วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เกียวกับเรา

"ความพึงพอใจของลูกค้า คือที่มาของเรา"

บริษัท ทีริช คอนสทรัคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด  จากประสบการณ์ การทำงานก่อสร้างให้ลูกค้ามาเป็นเวลา 10 ปีเราเข้าใจดี    อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้  โครงการก่อสร้างของท่านประสบณ์ความสำเร็จ ท่านคงปฎิเสธไม่ได้ว่า"ต้นทุนที่ต่ำเท่าไหร่  ผลกำไรก็มากเท่านั้น"   อีกอย่างบริษัทของเรามีโรงงานหล่อผลิตภัณฑ์ คอนกรีต ซึ่งทำให้เรามีสินค้าที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา รวมทั้งจากประสบณ์การของผู้บริหารที่เคยเป็นพนักงานของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่  เราจึงกล้าพูดได้ว่า " เราเป็นมืออาชีพเรื่องวัสดุก่อสร้าง "  และยึดถือความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก

เราเป็นผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย โดยตรงจากโรงงาน ทุกกลุ่ม ทุกโรงงาน ที่เป็นวัสดุหลักของงานก่อสร้าง ได้แก่  โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ , โรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ , โรงงานผลิตอิฐมวลเบา ,อิฐบล็อก ,อิฐมอญ, โรงงานผลิตเหล็กเส้นก่อสร้าง และเหล็กรูปพรรณ ฯลฯ

"ราคาต่ำจริงๆ" เรามีนนโยบายขายสินค้าส่งอย่างเดียว ไม่ขายหน้าร้าน เพราะฉะนั้นสินค้าของเราจึงมีราคาต่ำทุกตัว  ออกจากโรงงานส่งถึงหน้างานเลย  จะไม่มีค่าดอกเบี้ยที่แฝงอยู่ในราคาสินค้าเพราะนำสินค้ามากองเก็บไว้เหมือนกับร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป
 ลูกค้าของเราคือลูกค้าทุกกลุ่มที่ใช้งานปริมาณเยอะๆๆมีสินค้าเต็มเที่ยว 6 ล้อ 10ล้อ หรือเทเลอร์  ในรคาที่พิเสษสุดๆๆ

                                "ความพึงพอใจของลูกค้า คือที่มาของเรา"

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเลือกใช้ปูนซิเมนต์

การเลือกใช้ปูนซิเมนต์ให้ถูกกับงาน

วิธีการฉาบปูน






ขอบคุุณ  https://www.youtube.com/watch?v=fSaXpagGwIA
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน)
ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น








                                         ปูนซีเมนต์ทุกยี่ฮ้อให้เลือกตามใจชอบ




ทำไมลูกค้าหลายๆๆโครงการถึงเลือกซื้อปูนซิเมนต์ จากบริษัทของเรา  ?

1. ราคาถูกเหมือนไปรับเองที่โรงงาน  (ถ้าไม่ชื่อก็ลอง โทรมาเช็คราคาดู)

2. ส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ฉับไว  ไม่มีการโกหก ว่าส่งได้/ไม่ได้ เราตระหนักเรื่องเวลามากๆๆๆ

3. สินค้าของเรามีหนังสือหรือเอกสารรับรอง มอก. ให้ลูกค้าเสมอ (ถ้าลูกค้าต้องการ) คุณภาพดีจริงๆๆๆ

4. เราไม่เพียงขายสินค้า แต่เราเป็นที่ปรึกษาท่านได้ในด้าน วิศวกรรมก่อสร้าง  โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ

5. เรามีบริการถอดปริมาณสินค้า ที่จะต้องใช้ฟรี  เพื่อให้ท่านวางแผนการสั่งซื้อสินค้าได้ล่วงหน้า

เทคนิคการก่ออิฐและฉาบปูน
โดยสถาบันพัฒนาช่างมหาดไทย กรมโยธาธิการ


ขอบคุณที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=W2S1kAbO-RY
Tumcivil .com
เพื่อการศึกษาเท่านั้น



การเลือกใช้ปูนซิเมนต์

จากประสบณ์การที่เจอลูกค้า   "ซื้อปูนแดงหน่อยครับ ?"หรือ "ซื้อปูนเขียวหน่อยครับ?"  อยากจะชี้แจงลูกค้าว่าให้ลูกค้าจะเอาปูนซิเมนต์ ไปทำงานประเภทไหน  เราควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทกับงาน เพื่อความแข็งแรงและปลอดภัยของโครงสร้าง

         คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ ประมาณว่าปูนอะไรก็ใช้ไปเถอะแต่จริง ๆ แล้วเราควรจะใช้ปูนให้ถูกต้องตามประเภทของงาน ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ปูนโครงสร้าง และ ปูนก่อปูนฉาบ การที่เราต้องแบ่งออกเป็นสองแบบ เพราะว่าเนื้อปูนแต่ละประเภทไม่เหมือนกันและมีคุณสมบัติต่างกัน ดังนั้นประเภทกับงานที่ใช้ก็ควรต่างกัน

ปูนโครงสร้าง (ปูนปอร์ตแลนด์)
เป็นปูนที่มีกำลังอัดสูงมาก ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ แข็งแรงกว่าปูนฉาบอยู่เยอะมาก เช่นปูน
 ตราพยานาค ปูนตราช้าง ปูนโครงสร้างเหมาะจะใช้ทำ งานก่อสร้างเช่น คาน เสา ฐานราก
 เทพื้นโครงสร้าง และอื่น ๆ ที่ต้องการความแข็งแรง และวิศวกรส่วนใหญ่มักจะใช้ปูนประเภทนี้คำนวนออกแบบโครงสร้างด้วยเช่นกัน ซึ่งปูนประเภทนี้ก็แยกย่อยตามลักษณะเฉพาะทางอีก 5 ประเภท

ปูนก่อปูนฉาบ หรือปูนผสม 
เป็นปูนที่มีกำลังอัด หรือความแข็งแรงน้อยกว่า ปูนโครงสร้างมาก เพราะงานก่อฉาบ
ไม่จำเป็นต้องใช้ปูนที่มีความแข็งแรงเท่าไร เพราะอยู่ในส่วนที่ไม่ได้รับน้ำหนัก เช่นปูนตราเสือ ตรางูเห่า ตรานกอินทรีย์

เห็นอย่างนี้แล้ว การที่เราจะเอา ปูนก่อฉาบ ไปทำงานโครงสร้างนั้นคงไม่ดีแน่
เพราะอาจจะพังลงมาเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นถ้าจะสร้างบ้านสักหลัง อย่าลืมคุยกับช่างผู้รับเหมา
หรือถามเขาให้ดีว่าปูนที่เขาใช้อยู่เป็นปูนอะไร ไม่งั้นถ้าเกิดโดน ผู้รับเหมาหลอก หรือ ยัดใส้ให้คงจะไม่ดีกับบ้านของท่านเป็นแน่

การผลิตปูนซิเมนต์


ขอบคุณที่มา  https://www.youtube.com/watch?v=h9xwIcDG_LA
เพื่อการศึกษาเท่านั้น

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความรู้ทั่วไปอิฐมวลเบา

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอิฐมวลเบา หรือ คอนกรีตมวลเบา

 อิฐมวลเบา (Autoclaved Aerated Concrete : AAC) ผลิตจากส่วนผสมของปูนปอร์ตแลนด์ Type 1 ทราย ปูนขาว ยิบซั่ม และผงอลูมิเนียมที่ใช้เพิ่มฟองอากาศโดยการผสมสูตรที่เหมาะสม และผ่านการ อบด้วยไอน้ำแรงดันสูงทำให้มีฟองอากาศมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของปริมาตร จึงทำให้วัสดุอิฐมวลเบา เบากว่าน้ำ (ลอยน้ำ) โดยมีน้ำหนักระหว่าง 600 – 700 กก./ลบ.ม. เทียบกับคอนกรีตทั้วไปที่ 2,400 กก./ลบ.ม. และอิฐมอญที่ 1350 กก./ลบ.ม. ความเบาของวัสดุทำให้อาคารเบาลงประหยัดค่าก่อสร้างโครงสร้างเสาคานและฐานรากความเบาที่มาจากการสอดแทรกของฟองอากาศถึง 75 % ทำให้อิฐมวลเบามีคุณสมบัติดีเด่นเพิ่มเติม คือ

• เป็นฉนวนกันความร้อน ผนังที่ก่อด้วย อิฐมวลเบาสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าผนังที่ก่อด้วยอิฐมอญถึง 2.5 เท่าจึงไม่สะสมความร้อนในตอนกลางวันเพื่อคายออกในตอนกลางคืน

• ไม่ติดไฟและสามารถทนไฟที่ 1,100 องศาเซลเซียส ได้นาน 4 ชั่วโมงสำหรับผนังหนา 7.5 ซม. ในขณะที่ผนังอิฐมอญทนได้ 2 ซม.

• สามารถดูดซับเสียงได้ดีและป้องกันการส่งผ่านเสียงได้ดีกว่าวัสดุมวลเบาทั่วไป

• ผนังหนา 10 ซม. สามารถกั้นเสียงได้ถึง 40 เดซิเบล ในประเภทวัสดุก่อสร้างที่ใช้กันทั่วไป ผนังเป็นส่วนสำคัญของอาคารที่มีน้ำหนักมากที่สุด แต้ใช้ประโยชน์ในการรับแรงน้อยที่สุดในอาคารที่พักอาศัยที่มีการกั้นห้องมากน้ำหนักผนังอาจสูงถึง 40 % ของน้ำหนักอาคาร ดังนั้นผู้ออกแบบอาคารจึงต้องการหาวัสดุที่มีน้ำหนักเบาเพื่อนำมาใช้งานให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการกั้นผนัง

• แข็งแรงเพียงพอที่จะกั้นภายในกับภายนอก

• กันความร้อน / ความเย็นจากภายนอก

• ไม่เป็นพิษภัยต่อผู้อาศัย

• มีความเรียบ สวยงาม คงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ


ขอบคุณที่มา : สภาวิศวกร






มารู้จักที่มาที่ไป ของอิฐมวลเบากันเถอะ


อิฐ (Brick) เป็นวัสดุที่นำมาใช้ด้านงานก่อสร้างเป็นเวลาช้านานมาแล้ว เมื่อสมัยโบราณประมาณ 2,000 ปีมาแล้วอียิปต์เป็นชาติแรกที่ใช้อิฐก่อผนัง ต่อมาพวกบาบิโลเนีย พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ อิฐในสมัยโบราณจะทำมาจากดินเหนียว โดยการขึ้นรูปเป็นก้อนอิฐด้วยมือ ซึ่งพบว่าอิฐที่ได้จะมีขนาดไม่เท่ากัน ลักษณะที่ใช้งานแตกต่างจากคอนกรีตในเรื่องความแข็งแรงคือ อิฐที่ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความแข็งแรงมาก เพราะใช้งานก่อกำแพงหรืองานเพื่อความสวยงาม และการทำอิฐสำหรับการก่อสร้างของคนไทยได้ทำกันมานานแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมครอบครัวในแถบชนบท ซึ่งมีขนาดเล็ก และอิฐที่ผลิตส่วนใหญ่เป็นอิฐมอญ ต่อมาได้มีการตั้งโรงงานใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยมากขึ้น โดยอิฐที่ทำการผลิตมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่ อิฐบล็อก อิฐมวลเบา อิฐโฟม อิฐแก้ว และกระจกโดยเฉพาะการผลิตอิฐมวลเบาในปัจจุบันได้พัฒนาอิฐมวลเบา สามารถทนไฟได้ดี กันความร้อนได้ การผลิตอิฐใช้ได้ทั้งแรงคนและเครื่องจักรโดยเครื่องจักรจะผลิตอิฐได้ขนาดค่อนข้างมาตรฐาน เรียบร้อยผลิตได้เป็นจำนวนมาก



            นับได้ว่าเป็นนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างแบบใหม่สำหรับวงการก่อสร้างของไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงและเป็นทางเลือกใหม่แก่วงการก่อสร้าง เนื่องจากอิฐมวลเบามีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากอิฐชนิดอื่นๆ คือสามารถนำไปใช้สร้างบ้านได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประหยัดแรงงาน และลดต้นทุนในการดำเนินการก่อสร้าง รวมทั้งสามารถช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันความร้อนได้ดี มีความคงทน และมีอายุการใช้งานนานกว่า 50 ปีและทั้งนี้ยังนิยมใช้ในงานก่อสร้างตึกสูงประเภทอื่นๆ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม และโรงพยาบาล และทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลให้ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างทุกประเภทเติบโตโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คอนกรีต มวลเบาหรืออิฐมวลเบาซึ่งจัดว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านวัสดุก่อสร้าง ที่มีอัตราการเติบโตในช่วง 3-4ปีที่ผ่านมา เป็นที่รู้จักในตลาดเพิ่มมากขึ้นขณะที่อิฐมวลเบามีการใช้มานานในต่างประเทศแต่ยังเป็นวัสดุก่อสร้าง แบบใหม่ในประเทศไทย ปัจุบันอิฐมวลเบาเป็นที่รู้จักกันในวงการก่อสร้างและเป็นที่รู้จักและยอมรับในด้านคุณสมบัติที่โดดเด่น จึงมีการเปลี่ยนมาใช้อิฐมวลเบาทดแทนอิฐมอญหรืออิฐบล็อกมากขึ้น


  ลักษณะของอิฐมวลเบา
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่ผลิตมาจากการนำ ทราย ซีเมนต์ ปูนขาว ยิปซั่ม และผงอลูมิเนียม
มีฟองอากาศมากประมาณ 75% ทำให้เบา(ลอยน้ำได้) ฟองอากาศเป็น closed cell ไม่ดูดซึมน้ำ(ดูดซึมน้ำน้อยกว่าอิฐมอญ 4 เท่า)
ความเบาก็จะทำให้ประหยัดโครงสร้าง เป็นฉนวนความร้อน ค่าการต้านทานความร้อนดีกว่าคอนกรีตบล็อก 4 เท่า ดีกว่าอิฐมอญ 6-8 เท่า
 ไม่สะสมความร้อน ไม่ติดไฟ ทนไฟ 1,100 องศาได้นาน 4 ชม. กันเสียงได้ดี เมื่อฉาบจะแตกร้าวน้อยกว่าก่ออิฐฉาบปูน เนื่องจากตัวบล็อกกับปูนฉาบมีส่วนผสมที่ใกล้เคียงกัน
ขนาดของอิฐมวลเบาที่ใช้ในประเทศไทย

20x60x7, 20x60x7.5, 20x60x10,20x60x12.5, 20x60x15, 20x60x17.5, 20x60x20 ซม.




มาตรฐานวัสดุ อิฐมวลเบา 

1. วัสดุก่อผนังคอนกรีตมวลเบา ขนาดตามแบบระบุ ไม่แตกหัก ไม่บิ่น ไม่มีรอยร้าว
2. ปูนก่อ สำหรับคอนกรีตมวลเบาสามารถก่อได้ประมาณ 30-36 ตารางเมตรต่อ 1 ถุง ซึ่งปูนก่อทั่ว ไป จะได้แค่ประมาณ 9 ตารางเมตรต่อ 1 ถุง (คำนวณเมื่อมีการผสมที่ ปูน 1 ส่วน : ทราย 2 ส่วน : น้ำ 1 ส่วน)
2.1 ปูนตราเสือคู่สำหรับก่ออิฐมวลเบา : ถุงสีเขียวอ่อน (ประมาณ 36 ตร.ม. ต่อ 1 ถุง)
2.2 ปูนอินทรีย์มอร์ต้าร์แม็กซ์สำหรับก่ออิฐมวลเบา : ถุงสีม่วง (ประมาณ 36 ตร.ม. ต่อ 1 ถุง)
2.3 ปูนจิงโจ้ (ประมาณ 30 ตร.ม. ต่อ 1 ถุง)
3. ปูนฉาบ ควรเลือกปูนฉาบอิฐมวลเบาหรือปูนสำเร็จฉาบทั่วไปมาใช้ เพราะจะให้ยึดเกาะที่ดีกว่า ปูนที่ต้องผสมเอง และสามารถฉาบได้บางกว่าทำให้มีต้นทุนการใช้ใกล้เคียงกว่าปูนที่ยังไม่ผสม
3.1 ปูนตราเสือคู่สำหรับอิฐมวลเบา : ถุงสีฟ้า ( 1 ถุง ผสมน้ำ 14 ลิตร ฉาบได้ประมาณ 4
ตร.ม.)
3.2 ปูนอินทรีมอร์ต้าร์แม็กซ์สำหรับอิฐมวลเบา : ถุงสีฟ้า ( 1 ถุง ผสมน้ำ 14 ลิตร ฉาบได้
ประมาณ 4 ตร.ม.)
3.3 ปูนตราเสือคู่ ปูนสำเร็จฉาบทั่วไป : ถุงสีเขียว ( 1 ถุง ผสมน้ำ 14 ลิตร ฉาบได้ประมาณ 4
ตร.ม.)
3.4 ปูนอินทรีมอร์ต้าร์แม็กซ์ ปูนฉาบทั่วไป : ถุงสีเขียวอ่อน ( 1 ถุง ผสมน้ำ 14 ลิตร ฉาบได้
ประมาณ 4 ตร.ม.)

เพื่อให้มั่นใจว่าอิฐมวลเบา จะมีคุณภาพที่ดี และได้มาตรฐานเดียวกันกับทั่วโลกที่ผลิตจากลิขสิทธิ์ของ HEBEL Technology ทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตจึงมีระบบตรวจสอบ และควบคุมคุณภาพ ตามมาตรฐานเยอรมัน รวมทั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทย เริ่มตั้งแต่การทดสอบคุณภาพวัตถุดิบที่จะนำมาใช้งาน ตลอดจนขั้นตอนสุดท้าย อิฐมวลเบา จะถูกนำมาตรวจสอบคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น แรงกด, น้ำหนักเมื่อแห้ง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อย้ำความมั่นใจในคุณภาพของอิฐมวลเบา
ด้วยคุณภาพที่ได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา ได้รับการรับรองเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จากสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. กระทรวงอุตสาหกรรม มอก. 1505-2541 : ชิ้นส่วนคอนกรีตมวลเบาแบบมีฟองอากาศ-อบไอน้ำ




จัดทำบทความโดย: ก่อสร้างไทย ดอทคอม
วิศวกรออกแบบ :(Civil Design Engineer)
สงวนลิขสิทธิ์บทความ  ห้ามนำไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจาก ;ก่อสร้างไทยดอท คอม
ความทั้งหมดในเว็บนี้ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 
ผู้ใดฝ่าฝืนถือว่าทำผิดกฏหมายฐานละเมิดลิขสิทธิ์และจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย



อิฐมวลเบา

คุณสมบัติของอิฐมวลเบา

อิฐมวลเบาเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติได้แก่ ปูนซิเมนต์ปอร์ตแลนด์ ทราย ปูนขาว ยิบซั่ม น้ำ และสารกระจายฟองอากาศส่วนผสมพิเศษในอัตราส่วนที่เป็นสูตรเฉพาะตัว การผลิตส่วนใหญ่เป็นการนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่าง ประเทศอาทิเช่น เยอรมนี ออสเตรเลีย ฯ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างยุคใหม่ที่มุ่งเน้นให้เกิด ประโยชน์สูงสุดจากการนำไปใช้งานทุกด้าน ด้วยคุณสมบัติพิเศษ คือ ตัววัสดุมีน้ำหนักเบา ขนาดก้อนได้มาตรฐานเท่ากันทุกก้อน ทนไฟ ป้องกันความร้อน ป้องกันเสียง ตัดแต่งเข้ารูปง่าย ใช้งานได้เกือบ 100% ไม่มีเศษเป็นอิฐหัก และที่สำคัญคือรวดเร็ว สะอาด ลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดต้นทุนโครงสร้างและมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังนี้

อิฐมวลเบา
อิฐแดง


1. คุณสมบัติทางกายภาพ อิฐมวลเบา หนา 10 เซนติเมตร เมื่อรวมน้ำหนักวัสดุรวมปูนฉาบจะหนัก 120 กิโลกรัม ในขณะที่อิฐมอญก่อ 2 ชั้น (เว้นช่องว่างตรงกลาง) จะหนัก 180 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักของการก่ออิฐมอญจะมากกว่าทำให้ต้องเตรียมโครงสร้างเผื่อกันรับน้ำหนักในส่วนนี้ด้วย ทำให้ต้นทุนโครงสร้างเพิ่มขึ้น

2. การกันความร้อน หากเป็นกรณีปกติ “อิฐมวลเบา”จะมีค่าการนำความร้อนที่ต่ำกว่าอิฐมอญประมาณ 8-11 เท่า แต่การก่อผนังภายนอกอิฐจะต้องมีความหนา 10 เซนติเมตร และผนังภายในหนา 7 เซนติเมตร ขึ้นไป จึงจะสามารถกันความร้อนได้ดี แต่ในกรณีใช้อิฐมอญก่อ 2 ชั้น ตัวช่องว่างตรงกลาง จะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี และอิฐแถวด้านในไม่สัมผัสความร้อนโดยตรง จึงทำให้คุณสมบัติตรงนี้ของอิฐมอญจะมีความสามารถในการกันความร้อนได้ดีกว่า แต่การเว้นช่องว่างไม่ควรต่ำกว่า 5 เซนติเมตร

3. การกันเสียง ปกติอิฐมวลเบาจะกันเสียงได้ดีกว่าอิฐมอญประมาณ 20% แต่ในกรณีใช้อิฐมอญก่อ 2 ชั้น ช่องว่างตรงกลางจะทำหน้าเป็นฉนวนกันเสียงได้ดีกว่าเกือบ 2 เท่า แต่อิฐมวลเบาจะลดการสะท้อนของเสียงได้ดีกว่าเนื่องจากโครงสร้างของอิฐมวลเบามีฟองอากาศเป็นจำนวนมากอยู่ภายในทำให้ดูดซับ เสียงได้ดี จึงเหมาะสำหรับห้องหรืออาคารที่ต้องการความเงียบ เช่น โรงภาพยนตร์หรือห้องประชุม

4. การกันไฟ อิฐมอญก่อ 2 ชั้นมีฉนวนตรงกลาง (ช่องว่างตรงกลาง) จะกันไฟได้ดีกว่าอิฐมวลเบาเล็กน้อยและทนไฟที่ 1,100 องศาเซลเซียส ได้นานกว่า 4 ชั่วโมงซึ่งนานกว่าอิฐมอญ 2-4 เท่า ทำให้จะช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้

5. ความแข็งแรง การใช้งานทั่วไปไม่ต่างกัน แต่ผนังอิฐมอญจะเหมาะสำหรับการใช้วัสดุกรุผนังที่มีน้ำหนักมาก เช่น หินแกรนิต หรือหินอ่อน


6.น้ำหนักเบาและรับแรงกดได้ดี น้ำหนักเบากว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า และเบากว่าคอนกรีต 4-5 เท่า ส่งผลให้ประหยัดค่าก่อสร้างโครงสร้างอาคาร และเสาเข็มลงได้อย่างมาก แต่อาคารยังคงมีความแข็งแรงเท่าเดิมจากโครงสร้างของอิฐมวลเบาที่ประกอบไปด้วยฟองอากาศจำนวนมากทำให้มีน้ำหนักเบาและสามารรับแรงกดได้ดี ซึ่งจากคุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดต้นทุนในการ ก่อสร้างได้มาก ยกตัวอย่างเช่น ไม่ต้องลงเสาเข็มลึกมากเนื่องจากโครงสร้างเบาและสามารถ ก่อสร้างโดยใช้โครงสร้างที่เล็กลง ทำให้ประหยัดการใช้เหล็กและมีพื้นที่ใช้สอยภายในมากขึ้น

7. ประหยัดพลังงาน เนื่องจากสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญแล้วยังใช้เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเล็กลงได้ ช่วยประหยัดค่าไฟไปได้มาก กันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญถึง 4-8 เท่า จึงช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก สู่ภายในอาคารได้เป็นอย่างดี ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 30%

8. ใช้งานง่าย และรวดเร็ว เนื่องจากการผลิตที่เป็นมาตรฐานทำให้สินค้าที่ออกมาเท่ากันทุกก้อน ไม่เหมือนกับอิฐมอญที่ยังมีความไม่เป็นมาตรฐานอยู่ทำให้การก่อสร้างโดยใช้อิฐมวลเบาจะใช้เวลาในการก่อและเกิดการสูญเสียน้อยกว่า โดยเฉลี่ยแล้วภายใน 1 วันการก่อผนังโดยใช้อิฐมวลเบาจะได้พื้นที่ 25 ตรมไม่ต้องอาศัยความชำนาญของช่าง สามารถตัด แต่ง เลื่อย ไส เจาะ ฝังท่อระบบได้โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่ใช้งานง่าย และหาซื้อได้ทั่วไป. ขณะที่หากใช้อิฐมอญจะก่อได้เพียง 12 ตรม. นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดวัสดุอื่นๆ เช่น ปูนฉาบด้วย เนื่องจากสามารถก่อฉาบได้บางกว่าช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้

9.มิติเที่ยงตรง ขนาดมิติเที่ยงตรง แน่นอน ได้ชิ้นงานที่เรียบ สวยงาม มีหลายขนาดให้เลือก ประหยัดวัสดุ และ แรงงานในการก่อ ฉาบ

10. อายุการใช้งาน ยาวนานเท่าโครงสร้างคอนกรีต (50 ปี) เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้แก่
ปูนซีเมนต์ ทราย ปูนขาว ยิปซั่ม สารกระจายฟองและเหล็กเส้น จึงมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า อิฐมอญซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่ คือ ดิน




จัดทำบทความโดย: Materialthailand.com

วิศวกรออกแบบ :(Civil Design Engineer)

สงวนลิขสิทธิ์บทความ  ห้ามนำไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจาก ; Materialthailand.com

ความทั้งหมดในเว็บนี้ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 

ผู้ใดฝ่าฝืนถือว่าทำผิดกฏหมายฐานละเมิดลิขสิทธิ์และจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมา